หลายวันก่อนได้รับโทรศัพท์จากลูกค้าท่านนึงที่ต้องการนัดเพื่อเข้าไปตรวจ
บ้าน
หลังจากคุยสอบถามกันได้สักพักมีสิ่งนึงที่ผมไม่สบายใจเลยอยากจะมาเล่าให้ฟัง
กันในเรื่องขั้นตอนการซื้อบ้านที่ควรทราบนะครับ
เรื่องของเรื่องคือลูกค้าท่านนี้ได้จองบ้านกับโครงการๆ นึงไว้
พอทางแบงค์แจ้งทางโครงการว่าลูกค้าท่านนี้ผ่านการอนุมัตแล้ว
เซลของโครงการก็แจ้งลูกค้าถึงวันนัดหมายการโอนบ้านไว้เรียบร้อย
และบอกทางลูกค้าท่านนี้อีกว่าหลังจากโอนแล้วจะมอบกุญแจบ้านและให้ตรวจความ
เรียบร้อย และจะแก้ไขให้ภายใน 15 วัน
เมื่อผมได้ฟังแล้วก็ไม่สบายใจว่าลูกค้าท่านนี้จะได้รับการดูแลจากทางโครงการ
เรื่องการแก้ไขจุดบกพร่อง “หลังการโอน”
ให้เรียบร้อยได้จริงตามที่โครงการได้บอก “ก่อนโอน” หรือไม่
เพราะเท่าที่ทราบพฤติกรรมของโครงการส่วนใหญ่คือ
จะดูแลลูกค้าเป็นอย่างดีเมื่อลูกค้ายังไม่ได้โอน
แต่หากโอนแล้วนั้นส่วนใหญ่หน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว ลองคิดง่ายๆ
นะครับพอเราโอนแล้วเรานัดโครงการเข้ามาแก้ไข
ลองคิดดูว่าโครงการจะลำดับความสำคัญของเราไว้ตรงไหน
แน่นอนครับเค้าต้องสนใจคนที่ยังไม่ได้โอนมากกว่า
อันนี้ผมไม่ได้ดิสเครดิตโครงการนะครับพูดกันตามจริง
โครงการที่รับผิดชอบก็มีแต่เราจะต้องมาลองเสี่ยงดูก่อนหรือ
เพราะเราก็ไม่ได้ทราบมาก่อนว่าโครงการไหนดูแลแค่ไหน
ก็จริงที่โครงการชื่อดังบริการย่อมดีกว่าแต่ขนาดโครงการชื่อเดียวกันแต่คนละ
ทำเลการบริการก็ไม่เหมือนกันนะครับ อันนี้จากที่ผมได้คุยกับลูกค้าหลายๆ
คนมา
งั้นวันนี้ผมจะมาบอกถึงขั้นตอนในการซื้อบ้านจนกระทั่งโอนบ้านพอให้ทราบกันคร่าวๆ นะครับ
หลังจากเราได้เลือกบ้านที่ต้องการจากราคา ทำเล
บริษัทผู้รับสร้างบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือการจองซื้อ
ซึ่งค่าจองก็หลากหลายกันไปในแต่ละโครงการ เดี๋ยวนี้เห็นมีโปรโมชั่นจองเพียง
999 ของคอนโดชื่อดังโครงการหนึ่ง
ซึ่งเป็นข้อดีของผู้ซื้อคือหากไม่พอใจอยากจะเปลี่ยนใจภายหลังหรือกู้ไม่ผ่าน
เงินจองตัวนี้ที่ต้องเสียไปก็เป็นเงินจำนวนที่พอจะรับได้
แต่หากบางโครงการเงินจองมาก นอกจากนี้ยังต้องมีเงินค่าทำสัญญาอีกหลายหมื่น
อันนี้หากเราไม่พอใจและคิดจะเปลี่ยนใจภายหลังนี่ต้องคิดหนักเพราะเค้าไม่คืน
เงินจำนวนนี้ให้นะครับ (จะมีบางโครงการที่คืนเงินให้หากกู้ไม่ผ่าน) อ่อ
เรื่องเงินทำสัญญาโครงการส่วนใหญ่จะนัดทำสัญญาหลังจากจองประมาณ 7 วันครับ
หลังจากการจองแล้วขั้นตอนต่อมาคือยื่นกู้
เตรียมหลักฐานเอกสารให้เรียบร้อยยื่นกู้ไปเลยครับหลายๆ แบงค์
(รายละเอียดส่วนนี้ไว้วันหลังผมจะมาเล่าให้ฟัง)
ในระหว่างที่ยื่นกู้นั้นทางโครงการจะนัดหมายเพื่อให้เราไปตรวจสอบความเรียบ
ร้อยของบ้าน
ซึ่งระยะเวลาในการตรวจสอบเรื่องกู้ของแบงค์กับการตรวจสอบความเรียบร้อยและ
การแก้ไขจุดบกพร่องจะพอดีๆ กัน
หรือถ้าจุดที่ต้องแก้ไขมีเยอะแก้ไขให้ไม่ทันในการนัดโอนครั้งแรก
เราสามารถแจ้งทางแบงค์ได้ครับ
หลังจากวันที่แบงค์อนุมัติแล้วเรายังมีเวลาเหลืออีกประมาณ 60
วันระยะเวลาในการอนุมัติกู้ถึงจะหมดลง
หากมากกว่านี้ต้องทำเรื่องยื่นกู้ใหม่
เรื่องระยะเวลาอาจแตกต่างกันในแต่ละแบงค์นะครับลองเช็คดูด้วย
ส่วนเรื่องการแก้ไขส่วนใหญ่จะไม่นานครับเพราะทางโครงการต้องรีบทำให้เราอยู่
แล้วเนื่องจากเค้าก็ยังต้องการให้โอน
ซึ่งฝ่ายช่างมักจะโดนทางเซลบีบอยู่แล้วครับ
แต่งานแก้ไขไปแล้วนั้นเราต้องตรวจสอบให้ดีว่าโครงการแก้ไขให้เราให้หมดทุก
จุดหรือเปล่าด้วยนะครับอย่าลืมเป็นอันขาด
ข้อสำคัญ “อย่าโอนหากบ้านยังไม่เรียบร้อย” คำ
สัญญาปากเปล่านั้นใช้ไม่ได้เมื่อเราโอนไปแล้วนะครับ
เพราะเมื่อบ้านไม่เรียบร้อยเราจะตามตัวคนพูดมารับผิดชอบไม่ได้เลย
หรือในกรณีที่ที่เราต้องการโอนก่อนเนื่องด้วยปัจจัยอะไรก็แล้วแต่ให้ทำเป็น
ลายลักษณ์อักษรนะครับจะได้ไม่มีปัญหาภายหลัง
ลองนึกภาพง่ายๆ นะครับ หลังจากที่เราย้ายของเข้าไปแล้วป้ญหาต่างๆ
ย่อมมีตามมา เมื่อเราต้องไปทำงานไม่มีใครอยู่บ้าน
ต้องลางานมานั่งเฝ้าช่างแก้งาน กลัวของหาย ไหนบ้านจะเลอะอีก
สารพัดปัญหาครับ
คุยมาซะยาวก็พอจะเข้าใจกันแล้วนะครับว่าขั้นตอนการซื้อบ้านจนกระทั่งโอนมี
อะไรบ้าง ทีนี้ถ้าเราเจอใครๆ บอกให้เรารีบโอนก็ช่างใจดีๆ แล้วกันนะครับ
ส่วนลูกค้าท่านนั้นเมื่อได้ทราบเรื่องจากทางผมเรียบร้อยแล้วจึงได้โทรไป
เลื่อนนัดธนาคารและนัดตรวจบ้านกับเซล เซลรับปากเป็นอย่างดีว่าตรวจได้เลย
ลูกค้าผมได้ย้ำแล้วย้ำอีกว่าเตรียมน้ำเตรียมไฟให้ตรวจด้วยนะ
ทางเซลก็รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ พอถึงวันจริงที่นัดตรวจ
บ้านที่อยู่ในซอยเดียวกันฝั่งตรงข้ามกำลังสร้างกันอยู่เลย
โครงการมาบอกว่านัดตรวจได้ยังไง QC ยังไม่ได้ตรวจเลย น้ำ-ไฟ ก็ไม่มีให้
บ้านอยู่ในสภาพฝุ่นทั้งหลัง สรุปว่าเลยตรวจไม่ได้ สอบถามไปทางเซล
เซลก็ทำหน้ามึนไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น
ถือว่ากรณีนี้เป็นกรณีตัวอย่างแล้วกันนะครับ
0 comments:
Post a Comment